การตรวจระดับน้ำตาลด้วย เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด เป็นหนึ่งในกิจวัตรที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่คงที่ สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ ยิ่งไปกว่านั้น การที่เราไม่รู้ระดับน้ำตาลของตัวเอง อาจทำให้พลาดโอกาสในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการตรวจน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญ เพราะช่วยให้เรารู้เท่าทันร่างกายของตัวเอง และสามารถปรับเปลี่ยนการกินอาหาร, การออกกำลังกาย, หรือการใช้ยาได้ตรงตามความจำเป็น
ในยุคนี้ เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดได้กลายเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวานทุกคน ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น เครื่องวัดน้ำตาลรุ่นใหม่ ๆ ไม่เพียงใช้งานง่าย แต่ยังให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การติดตามระดับน้ำตาลไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เครื่องนี้เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการสุขภาพของตัวเองได้ทุกที่ ทุกเวลา บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องและแม่นยำ พร้อมทั้งแนะนำเทคนิคและเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้มือใหม่หรือมีประสบการณ์แล้ว ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นในชีวิตประจำวัน
รู้จัก เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด อุปกรณ์คู่ใจคนดูแลสุขภาพ
ประเภทของ เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด เลือกแบบไหนดีที่เหมาะกับคุณ
เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกัน การเลือกประเภทที่ใช่สามารถช่วยให้การดูแลสุขภาพของคุณง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- แบบพกพา (Portable Glucometers) : เครื่องประเภทนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทย มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเองที่บ้านหรือนอกสถานที่ เครื่องวัดแบบพกพามักให้ผลลัพธ์ภายในเวลาเพียง 5-10 วินาที
- แบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitors – CGM) : สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามระดับน้ำตาลตลอด 24 ชั่วโมง CGM เป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เครื่องนี้ใช้เซ็นเซอร์ขนาดเล็กฝังใต้ผิวหนังและส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์แสดงผลอื่น ๆ
- แบบไม่ต้องเจาะ (Non-Invasive Glucose Monitors) : เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเจาะเลือด ใช้เทคโนโลยีแสง หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการตรวจระดับน้ำตาลผ่านผิวหนัง เครื่องประเภทนี้กำลังพัฒนาและเริ่มมีให้ใช้งานมากขึ้น แต่ยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องความแม่นยำเมื่อเทียบกับประเภทอื่น
ฟังก์ชันพื้นฐานของ เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด
เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดมีฟังก์ชันพื้นฐานที่ช่วยให้การวัดระดับน้ำตาลเป็นเรื่องง่าย
- วัดระดับน้ำตาลในเลือด : ฟังก์ชันหลักของทุกเครื่องคือการวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยผลลัพธ์จะแสดงในหน่วย mg/dL หรือ mmol/L
- **เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ :**รุ่นที่มีฟังก์ชันนี้ มีการทำงานที่สะดวกสบายคล้ายกันแอพควบคุมแคลอรี่ ช่วยให้คุณสามารถบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะเมื่อแชร์ข้อมูลกับแพทย์เพื่อการวางแผนการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- เก็บข้อมูล : เครื่องวัดส่วนใหญ่สามารถบันทึกผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ 100 ถึงมากกว่า 1,000 รายการ ช่วยให้คุณติดตามแนวโน้มระดับน้ำตาลย้อนหลังได้
- การแจ้งเตือน : บางรุ่นมีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาตรวจวัด หรือเมื่อน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้ทันที
องค์ประกอบสำคัญของเครื่อง รู้จักส่วนประกอบเพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง
การเข้าใจองค์ประกอบของเครื่องวัดน้ำตาลช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างถูกต้องและมั่นใจมากขึ้น
- ตัวเครื่องวัด (Main Device): เป็นส่วนหลักที่แสดงผลลัพธ์ บางรุ่นมีหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่เพื่อความสะดวกในการอ่านค่า
- แถบทดสอบ (Test Strip): ใช้สำหรับเก็บตัวอย่างเลือดก่อนวัดค่า ควรเลือกใช้แถบที่ตรงกับรุ่นของเครื่องเพื่อความแม่นยำ
- เข็มเจาะเลือด (Lancet): ใช้สำหรับเจาะเลือดเพื่อนำตัวอย่างมาตรวจวัด สามารถปรับระดับความลึกของเข็มให้เหมาะสมกับผิวของผู้ใช้
- แบตเตอรี่ (Battery): เครื่องวัดน้ำตาลส่วนใหญ่ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กที่สามารถเปลี่ยนได้ ควรตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
วิธีใช้ เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด ให้ถูกต้อง เคล็ดลับสำหรับผลลัพธ์ที่แม่นยำ
เตรียมความพร้อม เช็กอุปกรณ์ก่อนเริ่มวัด
ก่อนใช้งาน การเตรียมอุปกรณ์อย่างถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
- ตรวจสอบแถบทดสอบ : ควรตรวจสอบวันหมดอายุที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ เพราะแถบทดสอบที่หมดอายุอาจทำให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้ควรตรวจสอบความสมบูรณ์ของแถบ เช่น ไม่มีรอยฉีกขาดหรือความชื้น
- ล้างมือให้สะอาด : ก่อนเริ่มวัด ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่น แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด การล้างมือช่วยกำจัดสิ่งปนเปื้อน เช่น เศษอาหาร หรือครีมบำรุงผิว ที่อาจส่งผลต่อค่าที่วัดได้
- เตรียมเข็มเจาะ (Lancet) และแถบทดสอบ : เลือกเข็มเจาะที่เหมาะสมกับผิวของคุณ โดยเฉพาะหากคุณมีผิวบอบบางหรือมือหนา ควรตั้งระดับความลึกของเข็มให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ
ขั้นตอนวัดระดับน้ำตาล: ทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
การวัดระดับน้ำตาลในเลือด อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่การปฏิบัติอย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้ค่าที่แม่นยำและเชื่อถือได้
- การเจาะเลือดจากปลายนิ้วอย่างถูกวิธี : ใช้เข็มเจาะบริเวณด้านข้างของปลายนิ้วแทนที่จะเป็นตรงกลาง เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นประสาทน้อย ทำให้ลดความเจ็บปวดได้มากกว่า
- วางหยดเลือดบนแถบทดสอบ : หยดเลือดเพียงปริมาณเล็กน้อยประมาณ 0.3-1 ไมโครลิตร (ขึ้นอยู่กับรุ่นของเครื่องวัด) ให้แน่ใจว่าเลือดสัมผัสกับแถบทดสอบอย่างเต็มที่ เพื่อให้เครื่องสามารถอ่านค่าได้อย่างถูกต้อง
- อ่านค่าจากหน้าจอเครื่องวัด : หลังจากหยดเลือดลงบนแถบทดสอบ เครื่องจะประมวลผลและแสดงผลลัพธ์บนหน้าจอในเวลาเพียง 5-10 วินาที รุ่นใหม่ ๆ บางรุ่นอาจมีฟังก์ชันแจ้งเตือนเมื่อค่าระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำกว่าปกติ
บันทึกผลและติดตามข้อมูล: เคล็ดลับเพื่อการจัดการสุขภาพที่ดีขึ้น
การบันทึกค่าระดับน้ำตาลในเลือดช่วยให้คุณสามารถติดตามแนวโน้มและปรับแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- จดบันทึกค่าที่วัดได้ : ค่าที่วัดได้ควรถูกบันทึกในสมุดหรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน พร้อมระบุวันและเวลา รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ เช่น ก่อนหรือหลังอาหาร หรือหลังออกกำลังกาย การเก็บข้อมูลเชิงลึกนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของระดับน้ำตาลในแต่ละช่วงเวลา
- วิเคราะห์แนวโน้มร่วมกับแพทย์ : นำข้อมูลที่บันทึกไว้มาปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน เพื่อให้แพทย์ช่วยวิเคราะห์แนวโน้ม ปรับเลือกอาหารลดน้ำตาลในเลือด และปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม การมีข้อมูลย้อนหลังช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพระยะยาวได้แม่นยำขึ้น
เคล็ดลับวัดให้แม่นยำ ด้วยเทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้
เลือกเวลาวัดให้เหมาะสม วัดเมื่อไหร่ถึงได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ที่สุด
การวัดน้ำตาลในเลือดที่เวลาเหมาะสมจะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มและผลกระทบของกิจกรรมหรืออาหารต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
- วัดก่อนและหลังอาหาร : วัดระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร (Fasting Blood Sugar) จะช่วยให้คุณทราบระดับน้ำตาลในขณะท้องว่าง ซึ่งควรอยู่ในช่วง 70-100 mg/dL สำหรับผู้ที่ไม่มีเบาหวาน และไม่เกิน 130 mg/dL สำหรับผู้ป่วยป้องกันโรคเบาหวาน การวัดหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมงเพื่อ (Postprandial Blood Sugar) จะช่วยประเมินว่าร่างกายจัดการกับน้ำตาลจากอาหารได้ดีแค่ไหน ค่าไม่ควรเกิน 180 mg/dL
- วัดก่อนนอนหรือหลังการออกกำลังกาย : การวัดก่อนนอนช่วยให้มั่นใจว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วงปลอดภัยก่อนพักผ่อน ควรอยู่ระหว่าง 100-140 mg/dL เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำในตอนกลางคืน นอกจากนี้ การวัดหลังออกกำลังกายจะช่วยดูว่าการออกกำลังกายส่งผลต่อระดับน้ำตาลอย่างไร ซึ่งมักจะลดลงประมาณ 20-50 mg/dL ขึ้นอยู่กับความหนักของกิจกรรม
หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
- ไม่บีบปลายนิ้วแรงเกินไป : การบีบปลายนิ้วเพื่อให้เลือดออก อาจทำให้มีของเหลวจากเนื้อเยื่ออื่นปนออกมาด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อความแม่นยำของค่าที่วัดได้ ควรใช้แรงกดเบา ๆ และปล่อยให้เลือดไหลออกมาเอง หรืออาจวอร์มปลายนิ้วด้วยน้ำอุ่นเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- ไม่ใช้แถบทดสอบหมดอายุ : แถบทดสอบที่หมดอายุจะทำให้ค่าที่ได้คลาดเคลื่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดในการปรับยา ตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ทุกครั้งก่อนใช้งาน และเก็บแถบทดสอบในที่แห้งและอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เกิน 30°C
- ตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องวัดด้วยผลจากห้องแล็บ : เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องวัดยังคงแม่นยำ คุณสามารถนำเครื่องไปวัดพร้อมกับการตรวจเลือดในห้องแล็บ และเปรียบเทียบผลที่ได้ หากค่าที่เครื่องวัดมีความแตกต่างมากกว่า ±15% ควรพิจารณาเปลี่ยนเครื่องหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ดูแลเครื่องวัดน้ำตาลอย่างไรให้ใช้งานได้นาน
ทำความสะอาดและเก็บรักษาเครื่องวัด ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
- ทำความสะอาดตัวเครื่อง: ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นหรือแอลกอฮอล์ความเข้มข้นต่ำเช็ดเบา ๆ ที่บริเวณตัวเครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารเคมีแรง เพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย
- เก็บรักษาในที่แห้งและอุณหภูมิที่เหมาะสม: ไม่ควรเก็บเครื่องในที่มีความชื้นสูงหรืออุณหภูมิร้อนจัด เช่น ห้องน้ำหรือใกล้หน้าต่างที่แดดส่องตรง
เปลี่ยนแบตเตอรี่และสอบเทียบเครื่องเพื่อความแม่นยำ
เครื่องที่แบตเตอรี่ใกล้หมดหรือไม่ได้สอบเทียบนาน อาจให้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อนได้
- เปลี่ยนแบตเตอรี่: โดยทั่วไป ตัวเครื่องจะมีสัญลักษณ์เตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ควรเปลี่ยนทันทีที่เห็นสัญลักษณ์นี้ แบตเตอรี่ขนาดมาตรฐานมักมีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน
- สอบเทียบเครื่องวัด: หากเครื่องวัดมีฟังก์ชันการสอบเทียบ (Calibration) ควรสอบเทียบเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือแถบทดสอบรุ่นใหม่ หรือทุก 6 เดือน โดยสามารถสอบถามวิธีการจากคู่มือหรือผู้ผลิต
การเก็บแถบทดสอบ ปกป้องคุณภาพเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำ
- เก็บในที่แห้งและเย็น: อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับแถบทดสอบมักอยู่ระหว่าง 2-30°C หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ร้อนหรือใกล้ความชื้น เช่น ในรถยนต์ที่จอดกลางแดด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง: เมื่อหยิบแถบทดสอบ ควรจับที่ขอบเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสส่วนที่ตรวจวัด
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ใหม่
ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อเริ่มต้นอย่างมั่นใจ
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งานเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคุณเลือกเครื่องวัดที่เหมาะสมกับความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณ รวมถึงให้คำแนะนำในการใช้งานอย่างถูกต้อง การเริ่มต้นด้วยคำแนะนำที่ถูกต้องจะช่วยลดความสับสนและเพิ่มความมั่นใจในการดูแลสุขภาพ
ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อการดูแลที่มีประสิทธิภาพ
การบันทึกผลระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การเก็บข้อมูลในสมุดบันทึกหรือแอปพลิเคชันเฉพาะช่วยให้คุณและแพทย์เห็นภาพรวมของระดับน้ำตาลในแต่ละช่วงเวลาได้ชัดเจน หากพบแนวโน้มที่ผิดปกติ เช่น ระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไปในช่วงเช้าหรือหลังมื้ออาหาร แพทย์จะสามารถปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ การออกกำลังกาย เช่น การเดินเร็วหรือเดินลดเบาหวาน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด งานวิจัยชี้ว่า การเดินเพียง 30 นาทีต่อวัน สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลและเพิ่มความไวต่ออินซูลินในร่างกาย การเดินจึงไม่เพียงแค่เสริมสร้างสุขภาพหัวใจ แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่มีความเสี่ยง
ฝึกใช้งานเครื่องวัดให้คล่องมือ
การใช้งานเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้ค่าที่แม่นยำ ฝึกเจาะเลือดโดยปรับระดับความลึกของเข็มเจาะให้เหมาะสม เพื่อลดความเจ็บและความไม่สบายตัว นอกจากนี้ คุณควรฝึกอ่านค่าและเปรียบเทียบผลกับการวัดจากสถานพยาบาล เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความแม่นยำของเครื่องวัดที่ใช้อยู่ การฝึกใช้เครื่องวัดจนชำนาญช่วยให้คุณสามารถติดตามสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งเสริมให้คุณมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการตรวจจากสถานพยาบาลเพียงอย่างเดียว
ก่อนอื่นเราอยากจะบอกว่าการดูแลสุขภาพของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องระดับน้ำตาลในเลือด เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะระดับน้ำตาลที่ควบคุมได้ดีจะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหัวใจ เส้นประสาท หรือแม้แต่การมองเห็นที่อาจจะได้รับผลกระทบในระยะยาว การมีเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดที่ใช้งานได้ดีและเหมาะสมกับตัวเองก็เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ที่จะช่วยบอกเราได้ว่าอะไรที่ควรปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง เช่น อาหารบางมื้อที่อาจจะหวานไป หรือกิจกรรมบางอย่างที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลได้ดีกว่าที่คิด สุดท้ายนี้ เราอยากกระตุ้นให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้ลองนำคำแนะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องการวัดน้ำตาลให้ตรงเวลา การบันทึกผลอย่างสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัย ไม่ต้องกังวลหรือคิดว่ามันยุ่งยากเกินไป เพราะสุขภาพของคุณมีค่าที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดควรใช้วันละกี่ครั้ง?
จำนวนครั้งที่ควรใช้เครื่องนี้ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์และสภาพสุขภาพของผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือผู้ที่ต้องฉีดอินซูลิน อาจจำเป็นต้องวัด 4-6 ครั้งต่อวัน เช่น ก่อนและหลังอาหาร หรือก่อนนอน ส่วนผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมด้วยยาเม็ดหรือการปรับพฤติกรรม อาจวัด 1-2 ครั้งต่อวัน หรือไม่จำเป็นต้องวัดทุกวันก็ได้
2. ต้องเปลี่ยนเข็มเจาะและแถบทดสอบบ่อยแค่ไหน?
เข็มเจาะควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่ใช้งาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเจ็บปวด ส่วนแถบทดสอบควรใช้เพียงครั้งเดียวและไม่ควรใช้แถบทดสอบที่หมดอายุ เพราะอาจทำให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนได้ การเก็บรักษาแถบทดสอบในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ในที่แห้งและเย็น จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
3. จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องวัดน้ำตาลยังแม่นยำอยู่?
เพื่อความมั่นใจในความแม่นยำ ควรนำเครื่องวัดน้ำตาลไปเปรียบเทียบผลกับการตรวจในห้องแล็บอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หากผลที่ได้จากเครื่องวัดแตกต่างจากผลในห้องแล็บมากกว่า ±15% ควรพิจารณาเปลี่ยนเครื่องหรือสอบถามผู้ผลิต นอกจากนี้ การสอบเทียบเครื่อง (Calibration) ตามคำแนะนำในคู่มือก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาความแม่นยำ
4. หากระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำผิดปกติ ควรทำอย่างไร?
หากผลวัดแสดงระดับน้ำตาลที่สูงเกิน 250 mg/dL หรือ ต่ำกว่า 70 mg/dL ควรปฏิบัติตามแผนการจัดการที่แพทย์แนะนำทันที เช่น การฉีดอินซูลินหรือการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลในกรณีที่น้ำตาลต่ำ หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หน้ามืด ใจสั่น หรืออ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม
อ้างอิง
- Stephanie Watson, Everything You Need to Know About Diabetes, Healthline, January 30, 2023, https://www.healthline.com/health/diabetes
- Gary Gilles, Types of Glucometers and How to Choose the Best One, Very well Health, October 24, 2022, https://www.verywellhealth.com/choosing-glucose-meter-3289632
- Diabetes: the basics, diabetes .org, October 12, 2024, https://www.diabetes.org.uk/about-diabetes