ค่านํ้าตาลเบาหวาน

ค่านํ้าตาลเบาหวาน ตรวจเช็คอย่างไร เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ

ในปัจจุบันพบว่าหลาย ๆ คนมีระดับ ค่านํ้าตาลเบาหวาน หรือค่าน้ำตาลในเลือดสูงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งค่าระดับน้ำตาลนเลือดสูง จะหมายถึงมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติ หรือสูงกว่าเกณฑ์นั่นเอง แต่อาจจะไม่ถึงกับสูงในระดับของการเป็นโรคเบาหวาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป

ทั้งนี้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งอาหารการกินของเรานั่นเอง หากเรายังใช้ชีวิตเหมือนกัน รับประทานอาหารเหมือนเดิมแบบไม่มีการเปลี่ยนแปลง รับรองได้เลยว่าต่อไปจะกลายเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และมีปัญหาเรื่องสุขภาพในด้านอื่น ๆ ตามมาได้อย่างแน่นอน


ค่าน้ำตาลเบาหวาน คืออะไร

ค่านํ้าตาลเบาหวาน

ค่านํ้าตาลเบาหวาน หรือน้ำตาลในเลือด จะเป็นความเข้มข้นของระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด ซึ่งน้ำตาลกลูโคสจะถือเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์ในร่างกาย และเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในเลือดของเราทุกคน รวมทั้งสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นกัน โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลได้อยู่เสมอ โดยกลูโคสจะถือเป็นแหล่งพลังงานแห่งแรกของเซลล์ในร่างกายเลยก็ว่าได้

ในส่วนของไขมันในเลือดในรูปแบบของไขมัน และน้ำมัน จะเป็นแหล่งสะสมพลังงานของร่างกาย และกลูโคสจะถูกลำเลียงส่งไปจากลำไส้ หรือตับ เข้าสู่เซลล์จองร่างกายโดยกระแสเลือด และจะถูกดูดซึมไปได้อย่างเหมาะสม สำหรับค่าเฉลี่ยของระดับน้ำตาลที่เป็นปกติในร่างกายของเราจะอยู่ที่ประมาณ 4 mM (4 mmol/L หรือ 72 mg/dL) แต่อย่างไรก็ตามค่าของระดับน้ำตาลในเลือดจะมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งร่างกายของเราจะมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำในช่วงเช้าก่อนรับประทานอาหาร และจะมีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นหลังจากรับประทานอาหารมื้อแรกเสร็จสิ้น


ระดับค่าน้ำตาลเบาหวานเท่าไหร่ ถึงเสี่ยงเป็นโรค

ค่านํ้าตาลเบาหวาน

สำหรับการตรวจวัดระดับค่านํ้าตาลเบาหวานหรือค่าระดับน้ำตาลในเลือดนั้น จะต้องเจาะน้ำตาลหลังอดอาหาร และเครื่องดื่มทุกชนิดเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงด้วยกัน ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมตรวจหาค่าน้ำตาลในเลือดช่วงเช้า เพราะหลังจากที่เราตื่นนอนมาโดยยังไม่รับประทานอะไร ค่าน้ำตาลในเลือด ปกติมากที่สุด โดยระดับน้ำตาลในเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงปริมาณของกลูโคสในกระแสเลือด ในขณะนั้น ๆ ได้ว่าอยู่ในระดับใด

และจะเป็นการตรวจที่ช่วยวินิจฉัยได้ว่า เรามีความเสี่ยงจะเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ และในปัจจุบันการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจะสามารถตรวจได้อย่างง่ายดาย แถมยังตรวจได้ด้วยตนเอง ยิ่งเราตรวจเป็นประจำจะมีข้อดีเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้เราได้รู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ เพื่อจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างทันท่วงที แต่สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า ค่าระดับน้ำตาลในเลือดดูได้อย่างไร จะมีวิธีดูง่าย ๆ ดังนี้

  • ระดับน้ำตาลในเลือดที่อยู่ระหว่าง 70-100 จะเท่ากับว่าระดับน้ำตาลในเลือดปกติ
  • ระดับน้ำตาลในเลือดที่อยู่ระหว่าง 100-125 จะเท่ากับว่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน หรือเรียกว่าเป็นเบาหวานแฝงนั่นเอง
  • หากระดับน้ำตาลในเลือดมีมากกว่า 126 ขึ้นไป จะเท่ากับว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

วิธีตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

ค่านํ้าตาลเบาหวาน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า การตรวจค่าน้ำตาลปกติ dtx หรือค่าน้ำตาลในเลือดนั้น จะสามารถตรวจได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย แถมยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย และช่วยป้องกันการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงโดยไม่มีสัญญาณเตือน

ในส่วนของการตรวจนั้นจะตรวจได้ไม่ยาก เพียงมีเครื่องตรวจค่านํ้าตาลในเลือด ซึ่งในปัจจุบันจะมีเครื่องนี้ให้เลือกหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบที่ต้องตรวจเลือดจากปลายนิ้ว และตรวจเลือดผ่านผิวหนังบริเวณอื่น ๆ โดยก่อนตรวจจะต้องทำความเข้าใจในวิธีตรวจให้ละเอียดเสียก่อน

สำหรับวิธีตรวจรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การตรวจเลือดจากปลายนิ้ว เพราะใช้งานได้ง่าย แถมยังให้ค่าระดับน้ำตาลที่ชัดเจน

ในส่วนของวิธีการตรวจสามารถทำได้ไม่ยากดังนี้

  • ตรวจความพร้อมของเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดเสียก่อน และจะต้องตรวจสอบวันหมดอายุของแผ่นตรวจก่อนใช้งานทุกครั้ง
  • ตรวจสองแผ่นตรวจที่ใส่ในตัวเครื่อง และรหัสของแผ่นตรวจให้ตรงกัน
  • ใส่หัวเข็มเข้าไปในปากกา ปรับระดับความลึกของเข็มเจาะให้เหมาะสมกับสภาพความหนา-บางของผิวหนังตนเอง แต่สำหรับใครที่ใช้งานเป็นครั้งแรก ให้ลองปรับระดับไม่ลึกหรือตื้นจนเกินไป เพื่อจะได้รู้ว่าผิวหนังของตนเองเหมาะสมกับระดับไหนมากที่สุด
  • ดึงแถมฟลอยด์ออกจากซอง และสอดแถบตรวจลงในช่อง
  • ทำความสะอาดผิวก่อนเจาะให้เรียบร้อย ด้วยการใช้แอลกอฮอล์และจะต้องรอให้แอลกอฮอล์ หรือผิวตรงที่เจาะแห้งสนิทเสียก่อน
  • บีบนวดบริเวณที่จะเจาะ เพื่อไล่เลือดจากบริเวณฝ่ามือลงมาถึงปลายนิ้ว เพื่อให้ผิวหนังของปลายนิ้วเต่งตึงมากยิ่งขึ้น และเจาะเลือดจากบริเวณด้านข้างของปลายนิ้ว
  • เมื่อได้เลือดแล้วให้หยดเลือดลงบนแผ่นตรวจ และรอผลตรวจได้เลย

สัญญาณภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

ค่านํ้าตาลเบาหวาน

สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะค่าน้ำตาลในเลือกสูง 170 หากในระยะแรก ๆ อาจจะไม่มีการแสดงอาการออกมาให้เห็นเท่าไหร่นัก หรืออาจจะมีการแสดงอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ โรคที่ตัวเองยังไม่รู้ว่าเป็น และเรามักจะรู้ตัวอีกครั้งก็ต่อเมื่อโรคได้ลุกลาม และเริ่มแสดงอาการออกมาในเห็น แต่สำหรับใครที่มีอาการดังต่อไปนี้ จะเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่า เราอาจจะมีระดับค่านํ้าตาลสูงนั่นเอง

  • ปวดปัสสาวะบ่อยกว่าเดิม: สำหรับคนที่มีระดับน้ำตาลในเลือด 126 หรือมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานนั้น ในร่างกายจะมีกระบวนการกรองน้ำตาลในเลือดที่สูงมาก และจะขับออกมาทางปัสสาวะ ดังนั้นไตจึงจำเป็นต้องดึงน้ำออกมาด้วย ส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานที่มีน้ำตาลสูงมากเท่าไหร่ ก็จะปัสสาวะบ่อยมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ต้องเข้าห้องน้ำวันละหลาย ๆ รอบ
  • เมื่อเป็นแผลแล้วแผลหายช้ากว่าปกติ: เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นคนที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เมื่อเป็นแผลตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นแผลบริเวณใดก็ตาม แผลจะหายช้ากว่าคนปกติเป็นอย่างมาก หรือบางคนที่มีน้ำตาลในเลือดสูงมาก ๆ ก็อาจจะทำให้แผลไม่หาย และต้องตัดอวัยวะบริเวณที่เป็นแผลในที่สุด
  • น้ำหนักลด: สำหรับบางคนที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีค่านํ้าตาลเบาหวานสูงกว่าปกติ บางคนอาจจะผอมลงกว่าเดิม หรือที่เรียกกันว่าเบาหวานแห้ง เนื่องจากในภาวะที่ขาดอินซูลิน ร่างกายของเราจะไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ บวกกับร่างกายของเราขาดน้ำจากการที่ปัสสาวะบ่อยครั้ง จึงทำให้ร่างกายจำเป็นต้องนำโปรตีนและไขมันที่เก็บสะสมเอาไว้ในเนื้อเยื่อมาใช้แทน ส่งผลให้ร่างกายเกิดความอ่อนเพลีย และน้ำหนักตัวลดลงมากโดยไม่ทราบสาเหตุ

รู้เท่าทันโรคเบาหวาน เพื่อป้องกันให้ร่างกายของตนเองปลอดภัยจากเบาหวานได้มากที่สุด และทุกคนควรตรวจระดับค่านํ้าตาลหรือระดับค่าน้ำตาลในเลือดอยู่เป็นประจำ เพราะโรคเบาหวานเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรืออายุเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของการเป็นโรคเบาหวาน จะขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวัน อาหารการกินของเรา รวมไปถึงพันธุกรรมด้วยเช่นกัน ดังนั้นแนะนำให้ตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายห่างไกลโรคเบาหวานได้มากที่สุด


อ้างอิง